วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ต้นกำเนิดHipHopมาจากไหนงั้นหรอ ถ้าอยากรู้ ก็ ลองมาอ่านดูเลยละกัน


Hip Hop เป็นการเคลื่อนตัวของวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง โดยสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของ HIP HOP culture ที่คนทั่วโลกต่างรู้จักผ่านสิ่งนี้ ก็คือ Hip Hop music

จุดเริ่มมาจากพวก African American และพวก Latino ใน South Bronx ช่วงปลายยุค 1970s' และมีการเริ่มของกระแสหลักในช่วง 1980 - 1990 จากนั้น Hip hop culture จึงกระจายไปทั่วโลก ผ่านเสียงดนตรี
เชื่อกันว่าเริ่มต้นมาจากการผลงานของ DJ Kool Herc และเพลงแรกที่เชื่อว่ามีการใช้คำว่า "Hip-Hop" คือ
เพลง "Rappers Delight" ของ The Sugarhill Gang

DJ Kool Herc ซึ่งเป็นชาว Jamaica ที่อพยพมา เป็น DJs ที่ดังที่สุดคนหนึ่งใน New York ช่วงปี 1970 และเล่นในงานปาร์ตี้แบบ block party (เหมือนกับคอนเสิรต์ที่ JayZ กำลังจะทำในไทย) ใน Bronx
ใน Bronx ปี 1973 เขาลองสลับการเล่นเพลงอย่างรวดเร็วจาก reggae records มาเป็น funk, soul และ disco เนื่องจากเห็นว่าคน New York ไม่ค่อยชอบ reggae นัก
เขา และ DJs คนอื่น ๆ พบว่านักเต้นชอบออกมาเต้นในช่วง percussive break ของเพลง เขาจึงขยายช่วงโดยการใช้ audio mixer และ ใช้แผ่น record ถึง 2 แผ่น (เป็นต้นแบบของการเล่นแผ่นในปัจจุบันที่ทุกท่านมักเห็น DJ ใช้กัน)
"B-boy" จึงมีต้นกำเนิดมาจากปาร์ตี้ของ DJ Kool Herc โดยเกิดจากการที่พวกเขามักออกมาเต้นใจช่วง break ของเพลง
ใน ขณะนั้นจึงมีการแข่งขันกันอย่างมากระหว่างเพื่อนของ Herc และคู่แข่ง ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วในเทคนิคการ mixing เพื่อทำให้คนดูชอบตลอดเวลา

เหมือนกับใน Jamaica ระหว่างที่เล่นดนตรีอยู่มักจะมีคนขึ้นมาพูด ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ MCs (Masters of Ceremonies) และต่อมาก็เรียกกันว่า rappers
ในช่วงแรกนั้น rappers ทั้งหลายมักจะพูดแนะนำตัวเอง พูดถึง DJ หรือคนฟัง โดยมีการร้องอย่างรวดเร็ว มีการ improvisation และมี simple four-count beat พร้อมกับมี simple chorus ต่อมาภายหลัง MCs เพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น มีการพูดในเชิงตลกขบขันหรือพูดเกี่ยวกับเรื่อง sex
ถึงแม้ในช่วงนั้นจะ ยังไม่มีการบันทึกเสียง แต่ hip hop music เริ่มเจริญเติบโตด้วยความนิยมสูง จนกระทั่งช่วงปลายยุค 1970 จึงเริ่มกลายมาเป็นดนตรีที่แพร่หลายไปทั่งประเทศอเมริกา
ในช่วงปี 1980 -1990 นี้เองที่ดนตรีแนวนี้เริ่มมาเป็น ดนตรีกระแสหลักในอเมริกา และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ในปี 1992
และเมื่อจบช่วงทศวรรษในช่วงนั้นเอง วัฒนธรรมนี้จึงแพร่หลายไปทั่วโลก



สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ

-คำว่า HIP HOP music คนต่างชาติจะไม่ค่อยพูดกัน มักจะเรียกกันว่าเป็น rap music มากกว่า
-จะเห็นว่าคำว่า MC มันเกิดขึ้นในการร้องสดในปาร์ตี้ เนื่องจากช่วงนั้นยังไม่การ record เพลง โอกาสจะร้องก็มีแค่ในงาน
พอมีการ record เป็นเพลงในแผ่นแล้วเนื่องจากไม่ได้ฟังสด เอาใครมาร้องก็ได้ จึงเริ่มมีการใช้คำว่า rapper
-block party ได้รับความนิยมสูงในอเมริกาช่วงปี 1970 เป็นการฉลองในที่สาธารณะ แบบไม่เป็นทางการ อาจมีการฉลองด้วยการร้องเพลง
เปิดเพลงและเต้นรำ ปาร์ตี้แบบนี้มักจัดกันแบบ outdoor คนอังกฤษจะเรียกว่า Street party ซึ่งจริง ๆ แล้วมันผิดกฎหมาย
แต่เป็นที่น่าสนใจว่า inner city block parties ก็ผิดกฎหมายกันทั้งหมด แต่ตำรวจก็ทำเป็นไม่เห็น เนื่องจาก เมื่อทุกคน
ใน neighbourhood มารวมตัวกัน ณ ที่แห่ง โอกาสที่เกิดอาชญากรรมในที่ใดก็ตามจะลดลง

credit : By shibatora
http://atcloud.com/stories/33691

ลำดับไอคิวของสุนัข



ลำดับไอคิวหมา รู้หรือเปล่าว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายน่ะ เค้าก็มีสติปัญญาเหมือนกับเราๆ นี่แหละ เพียงแต่ว่าสัตว์แต่ละชนิดอาจจะมีไม่เท่ากัน
และมีความถนัดหรือความสามารถเฉพาะตัวแตกต่างกันไปเท่านั้นเอง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมสัตว์ชนิดหนึ่งจึงทำอะไรๆ
ได้มากกว่าสัตว์อีกชนิดหนึ่งนั่นแหละ


ขอยกตัวอย่างเช่น เจ้าลิงชิมแปนซี ชิมแปนซีเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก
จะว่าฉลาดที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมดบนโลกนี้ (ยกเว้นมนุษย์) ก็ว่าได้
เคยมีคนทำการทดสอบโดยให้ลิงชิมแปนซีไปทำข้อสอบ Toefl ด้วยซ้ำ
เชื่อมั้ยคะ ว่าเจ้าลิงที่ไม่เคยเรียนหนังสือนี่น่ะ สามารถทำข้อสอบ Toefl
ได้ถึง 400 กว่าคะแนนทีเดียว ซึ่งเป็นคะแนนที่มากกว่าเราๆ บางคนทำได้ด้วยซ้ำ


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ว่ามาตั้งนานเนี่ย
เราไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดถึงไอคิวของลิงชิมแปนซีกันหรอก
แต่เรากำลังจะพูดถึงการจัดลำดับไอคิวสุนัขกันต่างหากล่ะ

ดร.สแตนเลย์ โคเรนท์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย
ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้จัดอันดับไอคิวสุนัข
ตามความสามารถในการเรียนรู้จากการฝึก
สุนัขของคุณจะอยู่อันดับไหน ลองไปดูกันดีกว่า


1. คอลลี่
2. พุดเดิล
3. เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
5. โดเบอร์แมน
6. เชทแลนด์ ชีพด็อก
7. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
8. ปาปิยอง
9. ร็อตไวเลอร์
10. ออสเตรเลี่ยน แคทเทิลด็อก
11. เวลช์คอร์กี้
12. มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
13. อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล
14. เบลเจียนเทอร์เชน
15. เบลเจียนชีพด็อก
16. คอลลี่ คีชอนด์
17. เยอรมัน ชอร์ทแฮร์ พอยเตอร์
18. อิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล, สแตนดาร์ด ชเนาเซอร์
19. บริตตานี สแปเนียล
20. คอกเกอร์ สแปเนียล
21. ไวมาราเนอร์
22. เบลเจียน มาลิโนส์, เปอร์นีส เมาน์เทนด็อก
23. ปอมเมอเรเนียน
24. ไอรีสวอเตอร์ สแปเนียล
25. วิสซิลล่า
26. คอร์ดิแกน เวลช์ คอร์กี้
27. พูลิ, ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
28. ไจแอนท์ ชเนาเซอร์
29. แอร์เดล
30. บอเดอร์ เทอร์เรีย
31. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
32. แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย
33. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
34. ฟิลด์ สแปเนียล, นิวฟาวแลนด์, ออสเตรเลียน เทอร์เรีย, เบียร์เด็ด คอลลี่
35. ไอริส เซทเตอร์
36. นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวด์
37. ซิลกี้ เทอร์เรีย, มินิเอเจอร์ พินช์เชอร์
38. นอร์วิด เทอร์เรียล
39. ดัลเมเชียน
40. ฟ็อก เทอร์เรีย
41. ไอริช วูล์ฟฮาวด์
42. ออสเตรเลียน เชฟเฟอร์ด
43. ซาลูกิ, ฟินนิช สปิทซ์, พอยเตอร์
44. อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล
45. ไซบีเรียน ฮัสกี้
46. อิงลิช ฟ็อกซ์ฮาวด์, อเมริกัน ฟ็อกซ์ฮาวด์, เกรย์ฮาวด์
47. สก็อตติช เดียฮาวด์
48. บ็อกเซอร์, เกรทเดน
49. ดัชชุนต์
50. อาลาสก้า มาลามุท
51. วิพเพท
52. โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค
53. ไอริช เทอร์เรีย
54. บอสตัน เทอร์เรีย, อากิตะ
55. สกาย เทอร์เรีย
56. นอร์โฟล์ค เทอร์เรีย
57. ปั๊ก
58. เฟรนช์บูลด็อก
59. มอลทีส เทอร์เรีย
60. อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์
61. ไชนีส เครสเต็ด
62. เจแปนนีส ชิน
63. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
64. เกรท พิเรนี
65. สก็อตติช เทอร์เรีย, เซนต์เบอร์นาร์ด
66. บูล เทอร์เรีย
67. ชิวาว่า
68. ลาซา แอปโซ
69. มาสทิฟฟ์
70. ชิสุ
71. บาสเซท ฮาวด์
72. บีเกิล
73. ปักกิ่ง
74. บลัดฮาวด์
75. บอร์ซอย
76. เชาเชา
77. บูลด็อก
78. บาเซนจิ
79. อาฟกัน ฮาวด์

credit : http://disease.108dog.com/1/4

การแปลงฟันให้กับสุนัข


ยาสีฟันที่จะใช้ในการแปรงฟันให้สุนัขควรจะเป็นยาสีฟันที่ผลิตขึ้นมาให้สัตว์เลี้ยงใช้โดยเฉพาะเพราะสามารถกลืนได้ค่ะ เราไม่ควรใช้ยาสีฟันของคนในการแปรงให้สุนัขเพราะว่ายาสีฟันของคนไม่ได้ผลิตเพื่อให้สามารถกลืนได้


1. เริ่มต้นเราควรที่จะให้สุนัขคุ้นเคยกับการที่มีสิ่งของแหย่เข้าไปในปากของเค้าเสียก่อน โดยการใช้นิ้วมือของเราจุ่มลงไปในน้ำซุบหรืออาหารเปียกของสุนัขก็ได้ เรียกสุนัขให้เข้ามาหาโดยให้เสียงที่ให้ความหมายว่าเรากำลังจะให้ขนมเค้าและปล่อยให้สุนัขเลียน้ำซุบหรืออาหารที่นิ้วมือหลังจากนั้นก็ให้ใช้นิ้วถูไปทั่วๆเหงือกและฟันของสุนัขเบาๆ…หลังจากฝึกขั้นตอนแรกนี้ไปสักระยะนึงสุนัขจะคุ้นเคยและเราสามารถเริ่มขั้นต่อไปได้

2. ใช้เศษผ้าก๊อตพันรอบๆนิ้วมือของเรา (เจ้าของจะจุ่มลงไปในน้ำซุปหรืออาหารแบบขั้นตอนที่ 1ก็ได้) ถูวนเป็นวงกลมไปที่ฟันของสุนัขอย่างเบาๆ ฝึกแบบนี้ซ้ำๆซักระยะนึงจนเมือสุนัขรู้สึกสบายและคุ้ยเคยกับการถูฟันแบบนี้ จำไว้ว่าอย่าลืมที่จะชมเชยสุนัขและควรทำการฝึกให้สนุกสนานรื่นเริงไม่น่าเบื่อ

3. หลังจากสุนัขคุ้ยเคยกับการแปรงฟันโดยผ้าก๊อต เราก็พร้อมที่จะเริ่มกับแปรงสีฟัน เราต้องให้สุนัขคุ้นเคยกันตัวแปรงสีฟัน โดยเฉพาะขนบนแปรงสีฟัน เพราะฉะนั้นเราควรเริ่มโดยการให้สุนัขเลียของที่มีรสชาติ เช่นอาหารเปียก หรือ ซุป บนแปรงสีฟันก่อน

4. เมื่อสุนัขคุ้นเคยกับแปรงสีฟันที่เราจะใช้ เราสามารถเพิ่มยาสีฟันลงไปใช้ได้แล้ว ยาสีฟันสำหรับสัตว์ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นและรสชาติของ ไก่ เป็น ตับ มอลท์ หรือ ฯลฯ ฉะนั้นสุนัขจะชอบรสชาติของยาสีฟัน เราต้องทำให้สุนัขคุ้นเคยกับรสชาติของยาสีฟันโดยการให้สุนัขเลียยาสีฝันบางส่วนจากนิ้วมือของเรา จากนั้นถูนิ้วที่มียาสีฝันไปทั่วๆเหงือกของสุนัขเบาๆ และอย่าลืมชมเชยสุนัขด้วย

5. เมือน้องหมาคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟัน เริ่มแรกเราอาจจะแปรงแค่เขี้ยวเด้านบนเขี้ยวดียวหรือทั้งสองเขี้ยวด้านบนของสุนัข เพราะว่านี้เป็นฟันที่ง่ายที่สุดที่จะแปรงจะไปถึงและง่ายต่อการฝึกแปรง ตามข้างต้นเมื่อน้องหมายอมที่จะให้แปรงฟันหลายๆซี่ ให้เราเพิ่มจำนวนฟันในการแปรงอย่างช้าๆ ให้เราพยายามทำเหมือนว่านี้เป็นเกมส์ที่ทั้งคนและสุนัขสนุกไป

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

The Game ft. 50 cent - Hate it or love it



ประวัติส่วนตัวของ The Game

เจเซน เทอแรล เทเลอร์ (อังกฤษ: Jayceon Terrell Taylor) เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1979 หรือรู้จักกันในนาม The Game เดอะ เกม เป็นแร็ปเปอร์สไตล์ Gangsta Rap ที่ประสบความสำเร็จในการวางขายอัลบัม The Documentary ในปี 2005 และเข้าชิง 2 รางวัลแกรมมี่ และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในฐานะแร็ปเปอร์ที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท (ฺbeef) ระหว่างแร็ปเปอร์อื่นๆ อีกมากมายอาทิเช่น 50 เซ็นต์ และแร็ปเปอร์ในค่าย G-Unit ที่ไม่ลงรอยกันเรื่องเจตนาของ เดอะ เกม ที่ไม่อยากจะทำงานร่วมกับ G-Unit

เดอะ เกม เกิดที่เมือง ลอสแอนเจลิส ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง Compton เมื่อเขาอายุได้ 4 ปี เขาเติบโตมาภายใต้วัฒนธรรมของเด็กแก๊งค์ จนกระทั่งอายุได้เพียง 13 ปี เขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกแก็งค์ บลัด (Blood) และเมื่อเขาอายุได้ 18 ปีเขาได้ตามรอยพี่ชายของเขา "Big Fase 100" หัวหน้าแก๊งค์ Cedar Block Pirus คือถูกยิงที่ หัวใจ,ท้อง,แขนและขา ทำให้เขาต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 3 วันและระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้นเขาได้คิดที่จะเป็นนักร้องมืออาชีพขึ้น

เขาได้อิทธิพลการร้องเพลง Gangsta Rap มาจากนักร้องวง N.W.A. ซึ่งเขาได้ตั้งค่ายเพลงที่ชื่อว่า The Black Wall Street ขึ้นมาและเพลงที่เขาได้ร้องใน Mix Tape เป็นที่ประทับใจของโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Dr.Dre และได้สัญญากับค่ายเพลง Aftermath Entertainment

เดอะ เกม ได้ออกอัลบัมเพลงกับค่ายต้นสังกัดที่ชื่อว่า "The Documentary" ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2004 และมีเพลงติดอยู่บน Billboard 200 อันดับต้นๆ อยู่หลายเพลงเช่น "Hate It or Love It" "How We Do" ซึ่งได้ร่วมร้องกับ 50 เซ็นต์และขายอัลบัมได้ถึง 5 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก แต่แล้ว เดอะ เกม ก็มีปัญหากับค่าย G-Unit จึงต้องถูกไล่ออกจากค่าย G-Unit

หลังจากถูกไล่ออกจากค่าย G-Unit แล้ว เดอะ เกม ได้ตั้งสโลวแกนคว่ำบาตร G-Unit ที่มีชื่อว่า G-Unot และได้แต่งเพลงดูหมิ่น 50 เซ็นต์ไว้มากมายอาทิเช่น "300 Bars and Running" และ 50 เซ็นต์ ได้บอกกล่าวกับนิตยสาร XXL ว่าเขาเป็นคนเขียนเพลงให้เดอะเกมถึง 6 เพลง แต่เดอะเกมปฏิเสธว่า 50 เซ็นต์ช่วยเพียงแค่เล็กน้อย แล้วอ้างว่า เพลงของ 50 เซ็นต์ก็มีคนอื่นๆมาแต่งให้แต่ทำไมพวกเขาไม่เห็นอ้างแบบ 50 เซ็นต์และเดือนตุลาคม ปี 2006 เดอะ เกมได้ถูกกดดันให้ลาออกจากค่าย Aftermath Entertainment

ปี 2006 เดอะ เกมได้ออกอัลบัมใหม่ที่มีชื่อว่า "Doctor's Advocate" ซึ่งสื่อต่างๆ วิจารณ์ว่าดีกว่าอัลบัมแรกและมีเพลงติด Billboard 200 ถึง 3 เพลงอาทิ "One Blood (It's Okay) " เป็นต้น และยังได้ร่วมร้องกับแร๊ปเปอร์ชื่อดังอาทิ คานยี เวสต์ ,สนูป ด๊อก และ วิล ไอ แอม เป็นต้น

เดอะ เกมได้กล่าวกับสื่อว่า อัลบัมต่อไปของเขา (L.A.X.) จะเป็นอัลบัมสุดท้ายของเขา ซึ่งมีผลงานผลออกมาก่อนอัลบัมที่ชื่อว่า "Game's Pain" ซึ่งฮิตติดท๊อปชาร์ต UK Top 100 ในอันดับที่ 14

อันตราย 10 ประการที่คุณไม่รู้จัก : CHIP


คิดว่าระบบของคุณปลอดภัยแล้วหรือ? แฮกเกอร์มือโปรทั้งหลายนั้นรู้ดีว่า จะสามารถเจาะเข้าไปในเครื่องแต่ละเครื่องได้อย่างไรแม้ว่าเครื่องดังกล่าวจะมีชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัยติดตั้งเอาไว้ก็ตาม แต่ถ้าคุณรู้จักวิธีที่พวกเขาใช้ ก็จะสามารถป้องกันตนเองจากการจู่โจมนั้น ๆ ได้ไม่ยาก

แฮกเกอร์จะแอบเข้ามาในเครื่องของคุณ โดยสามารถที่จะผ่านแม้แต่ระบบป้องกันที่ดีที่สุดเข้ามาจนได้ แล้วก็จะเริ่มก่อความเสียหายให้ในที่สุด แฮกเกอร์ทั้งหลายนั้นเริ่มใช้วิธีการที่ก้าวร้าวและอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะมีหนทางใหม่ๆ อยู่เสมอในการที่จะแพร่โปรแกรมร้ายเข้าไปในเครื่องของคุณ และถ้าใครที่คิดว่าแค่ Update ล่าสุด โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด และไฟร์วอลล์ที่แกร่งที่สุด จะทำให้เครื่องของคุณปลอดภัยได้ บอกได้เลยว่าคิดผิดแล้ว กรรมวิธีใหม่ๆ ของแฮกเกอร์และมาเฟียอินเทอร์เน็ตทั้งหลายนั้นได้สร้างปัญหาให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยต่างๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถที่จะลดอัตราความเสี่ยงลงได้ CHIP จะแนะนำให้คุณรู้จักกับอันตราย 10 ประการ ที่เราเชื่อว่าหลายคนคงแทบจะไม่เคยได้ยินมันมาก่อน พร้อมทั้งแนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการต่อกรกับพวกมันอีกด้วย

1. ช่องว่างในระบบรักษาความปลอดภัยของ Security Suite

ไฟร์วอลล์ โปรแกรมป้องกันไวรัส และโปรแกรมป้องกันสแปมเมล์ เป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่ในคำแนะนำด้านความปลอดภัยสำหรับเครื่องพีซีที่ใช้วินโดว์สเป็นระบบปฏิบัติการ แต่ในขณะเดียวกันพวกมันก็เป็นเสมือนกับบัตรเชิญไปยังมาเฟียอินเทอร์เน็ตทั้งหลายด้วย เพราะในโปรแกรมเหล่านี้จะมีบัก (Bug) อยู่ภายในเช่นเดียวกับในโปรแกรมอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งจะกลายเป็นช่องโหว่ให้เจ้าตัววายร้ายต่างๆ สามารถเข้ามาสู่เครื่องของคุณได้ในทันทีที่มีการต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ต เช่นเพื่อการอัพเดต

จากตัวอย่างของ Blackice Firewall จะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความร้ายแรงของข้อผิดพลาดนี้ เมื่อแฮกเกอร์พบช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัย พวกเขาก็จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ทันที โดยส่งเวิร์ม “Witty“ เข้าไปยัง Blackice Firewall ต่างๆ ทั่วโลก ภายในเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงมันจะเข้าไปทำลายข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนฮาร์ดดิสก์ของผู้เคราะห์ร้าย

แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Symantec ก็ต้องประสบกับปัญหานี้เช่นกัน อย่างที่แฮกเกอร์คนหนึ่งได้แสดงให้เราเห็นว่า สามารถนำข้อผิดพลาดใน Symantec Antivirus Corporate Edition ไปใช้ได้อย่างไร แค่ชั่วพริบตาเขาก็สามารถที่จะเข้าไปในเครื่องที่ดูเหมือนจะมีการป้องกันเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย

ทางแก้: การแก้ไขปัญหานี้เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ต้องตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและอุดช่องโหว่เหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที แต่อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรที่จะปิดฟังก์ชัน Online Update ของชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ( Security Suite) ของคุณโดยเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่อาจจะร้ายแรงกว่าได้ ในขณะที่เรากำลังปิดต้นฉบับอยู่นี้ Symantec ก็ได้ทำการกำจัดบักที่แฮกเกอร์ได้สาธิตให้เราดูออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรการป้องกันแบบ 100% นั้นก็คงยังไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

2. เครื่องพิมพ์อันตรายในระบบเครือข่ายของบริษัท

แฮกเกอร์ยังคงค้นหาจุดอ่อนใหม่ๆ ในระบบเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ดูแลระบบ (Administrator) ที่ดีจึงไม่ควรที่จะเพิ่มระบบป้องกันแต่เฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์และตัวไฟร์วอลล์เท่านั้น แต่ควรจะรวมไปถึงเครื่องไคลเอนท์ต่างๆ ให้ได้มากที่สุดด้วย แต่จุดอ่อนสำคัญอย่างหนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามไปได้แก่เครื่องพิมพ์ โดยเครื่องพิมพ์ที่สามารถใช้ในระบบเครือข่ายได้นั้นก็จะเป็นเหมือนเซิร์ฟเวอร์ตัวหนึ่งด้วยเหมือนกัน นั่นหมายความว่า ถ้าใครที่ต้องการจะจู่โจมระบบของคุณ ก็สามารถที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่างๆ หรือแม้แต่เข้ายึดครองระบบปฏิบัติการของเครื่องพิมพ์อย่างสมบูรณ์แบบเลยก็ได้

เมื่อหลายปีที่ผ่านมา Hacker FX จากกลุ่ม Hacker Phenoelit ได้นำข้อมูลและเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้เปิดช่องโหว่ของเครื่องพิมพ์ยี่ห้อ HP ได้ออกมาเผยแพร่ และในปีนี้แฮกเกอร์อีกคนก็ได้แสดงให้เราเห็นถึงพรินเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการดัดแปลงมา ซึ่งบนนั้นจะมี Hacker Tool บางตัวทำงานอยู่แล้วด้วยซ้ำ ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานได้ง่ายขึ้นไปอีก เครื่องพิมพ์ที่ถูกดัดแปลงแล้วนี้จะสามารถส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร หลักฐานเงินเดือน หรือแม้แต่พาสเวิร์ดกลับไปให้แฮกเกอร์ได้อย่างง่ายดายทุกครั้งที่เหยื่อต้องการพิมพ์ข้อมูลลงบนกระดาษ

ทางแก้ : ความจริงแล้ววิธีการป้องกันในเรื่องนี้นั้นง่ายมาก แค่กำหนดรหัสผ่าน (Password) ที่แข็งแกร่งขึ้นมาใน Configuration Console ของเครื่องพิมพ์หรือการจำกัดสิทธิในการใช้งานก็มักจะเพียงพอแล้ว แต่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมองออกไปให้ไกลกว่านั้นอีก เช่นมีอุปกรณ์ใดบ้างที่ต่อเชื่อมกับระบบเครือข่ายของคุณ เพราะทั้งกล้องเว็บแคม เราเตอร์ไร้สาย และอุปกรณ์ต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ด้วยทั้งนั้น

3. แค่ไดรฟ์สติ้กก็สามารถเข้ายึดพีซีได้ทุกเครื่อง

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทุกคนรู้ดีว่าถ้าแฮกเกอร์มาถึงหน้าเครื่องแล้ว แม้แต่การป้องกันที่ดีที่สุดก็จะไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกต่อไป ดังนั้น Terminal สาธารณะต่างๆ อย่างเช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องสมุด หรือในซูเปอร์มาร์เก็ตจึงมีการปิดกั้นการรับข้อมูลจากภายนอกทั้งหมด เว้นแต่คีย์บอร์ด เมาส์ และจอมอนิเตอร์เท่านั้น แต่แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว

มีจุดเปราะที่เกิดจากความผิดพลาด (Error Source) อยู่ 2 ประการที่จะเป็นประโยชน์ต่อแฮกเกอร์ได้ ประการแรกคือในซอฟต์แวร์ทุกตัวซึ่งรวมทั้งวินโดว์สด้วย จะมี Keyboard Combination (การกดปุ่มบนคีย์บอร์ดเป็นชุด เช่น Ctrl + Alt + Del) อยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่มีการจดบันทึกไว้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ผู้บุกรุกทำอะไรได้หลายๆ อย่างเช่น เปิดรันไดอะล็อกซ์ของวินโดว์สขึ้นมา หรือที่ยิ่งอันตรายไปกว่านั้นก็ได้แก่ Buffer OverFlow ในไดรเวอร์ Plug & Play

ในงานนิทรรศการ Hacker DefCon ที่ Las Vegas เราได้ให้ทดลองจู่โจมเครื่องโน้ตบุ๊กของเราดู ซึ่งการสาธิตนั้นใช้เวลาไปแค่ไม่กี่วินาที แค่แฮกเกอร์นำไดรฟ์สติ้กยูเอสบีที่สร้างขึ้นมาเองมาเสียบเข้ากับเครื่องของเรา จากนั้นในชั่วแค่ไฟกระพริบนิดเดียว วินโดว์สก็จะหยุดทำงานและปรากฏบลูสกรีนขึ้นมาทันที ซึ่งถ้านี่ไม่ใช่แค่การทดสอบ เครื่องของเราก็คงจะมีโทรจันติดมาแล้ว

ทางแก้ : ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือปิดหรือถอดพอร์ตที่ไม่ได้ใช้ออกเสีย แต่นั่นก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการแอบเชื่อมกับคีย์บอร์ดชั่วขณะของแฮกเกอร์ได้อยู่ดี ดังนั้นวิธีที่ดีกว่านั้นคือใช้โปรแกรมอย่างเช่น Device Wall ของ Contennial Software คอยเฝ้าระวังพอร์ตยูเอสบีทั้งหมด แต่ก็ยังคงต้องรอทดสอบจากการใช้งานจริงต่อไปอีกว่า มันจะใช้ได้ผลมากน้อยเพียงใด

ความขัดแย้งเรื่อง Blackberry เน้นย้ำให้เห็นถึงประเด็นเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิตัล


รัฐบาลซาอุดิอาระเบียและรัฐบาลสหอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี กำลังขอให้บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ Blackberry ในแคนาดาอนุญาตให้มีการตรวจสอบข้อความและอีเมล์ที่ส่งผ่าน Blackberry ในขณะที่อินเดียก็เตือนว่าอาจมีการระงับบริการรับส่งอีเมล์และข้อความผ่าน Blackberry เช่นกัน

ซาอุดิอาระเบียและสหอาหรับเอมิเรตส์เรียกร้องให้ บริษัท Research in Motion หรือ RIM ในแคนาดา ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ Blackberry ยินยอมให้มีการตรวจสอบอีเมล์และข้อความที่ผ่านระบบ Blackberry Messenger หรือ BBM ซึ่งเป็นระบบรับส่งข้อความสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ Blackberry ซึ่งว่ากันว่ามีความปลอดภัยสูง และเป็นจุดขายของ Blackberry ไม่เช่นนั้นทั้งสองประเทศอาจมีคำสั่งระงับบริการดังกล่าวของ Blackberry เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบด้านความมั่นคง

คุณ Ben Wood นักวิเคราะห์แห่งบริษัทเทคโนโลยี CCS Insight กล่าวว่า ความปลอดภัยของข้อมูลที่ส่งผ่าน BBM ถือเป็นจุดแข็งทางการตลาดของ Blackberry แต่อีกด้านหนึ่ง Blackberry ก็ไม่ต้องการได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ หากรัฐบาลของซาอุดิอาระเบียและยูเออีระงับบริการรับส่งข้อความขึ้นมาจริงๆ เรียกว่า ไม่ว่าด้านไหนก็ไม่มีผลดีต่อบริษัท RIM เลย

ในขณะเดียวกัน ทางอินเดียและอินโดนีเซียก็เตือนว่าอาจมีการระงับบริการรับส่งอีเมล์และข้อความผ่าน Blackberry เช่นกัน เพราะกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติและปัญหาการคุกคามของผู้ก่อการร้าย โดยอินเดียขอให้บริษัท RIM ยินยอมให้มีการตรวจสอบข้อความและอีเมล์ของ Blackberry ก่อนสิ้นเดือนนี้

อินเดียเผชิญกับการโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีที่นครมุมไบเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 165 คน โดยในครั้งนั้น เชื่อว่าผู้ก่อการร้ายได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างระบบระบุตำแหน่ง หรือ GPS และโทรศัพท์ระบบดาวเทียมเข้าช่วยในการปฏิบัติงาน

นาวาอากาศโท Ajey Lele แห่งสถาบันการวิเคราะห์และการป้องกันตนเองในกรุงนิวเดลลี ระบุว่า ปัจจุบันกลุ่มก่อการร้ายได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ และอุปกรณ์ทันสมัยเข้าช่วยในการปฏิบัติงาน และโทรศัพท์มือถือ Blackberry ก็เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่อาจนำมาใช้ได้เช่นกัน รายงานข่าวในอินเดียชี้ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการระงับการรับส่งอีเมล์และข้อความผ่านระบบของ Blackberry ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้ Blackberry จะสามารถโทรเข้าออกและเข้าอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น แต่ใช้งาน BBM ไม่ได้ ซึ่งนั่นอาจส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์คู่แข่งอย่าง iPhone หรือ Nokia

อีกด้านหนึ่งรายงานระบุว่า บริษัท RIM ผู้ผลิต Blackberry ได้บรรลุข้อตกลงให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อความที่ส่งผ่าน Blackberry Messenger ได้แล้ว ส่วนรัฐบาลสหอาหรับเอมิเรตส์ได้ให้เวลา RIM พิจารณาเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 11 ตุลาคม

อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเช่นคุณ Leslie Harris แห่งศูนย์เพื่อประชาธิปไตยและเทคโนโลยีในกรุงวอชิงตัน ให้ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การอนุญาตให้ตรวจสอบข้อมูลหรือข้อความส่วนตัวได้นั้น หมายความว่าอาจเกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค เพราะไม่ใช่แค่รัฐบาลที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ แต่สำหรับผู้ที่กำลังต่อสู้ในศาล เช่น ฟ้องหย่าหรือขอสิทธิการเลี้ยงดูบุตรก็อาจเป็นเสมือนการเปิดเผยข้อมูลสำคัญของตัวเองได้เช่นกัน

นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่า ประเด็นเรื่องโทรศัพท์มือถือ Blackberry นี้เป็นเรื่องที่ควรหยิบยกมาหารือ เพื่อเตือนให้ประชาชนทบทวนถึงข้อมูลที่จะเปิดเผยทั้งทางโทรศัพท์และทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งกระตุ้นให้รัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อปกป้องผู้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านั้น.


::: ข้อมูลโดย VOA News ภาคภาษาไทย :::